Instagram

Mitsu RMA

5 ทริคเช็กยางรถยนต์เสื่อมง่ายๆ ด้วยตัวเอง

5 ทริคเช็กยางรถยนต์เสื่อมง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

5 ทริคเช็กยางรถยนต์เสื่อมง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ยางรถยนต์ ถือเป็นส่วนประกอบ ชิ้นสำคัญของรถยนต์ ทำหน้าที่สัมผัสกับ พื้นผิวถนนโดยตรง เพื่อให้รถสามารถ เคลื่อนที่ไปได้ ดังนั้น การดูแลสภาพ ของยางรถยนต์ ให้มีความสมบูรณ์อยู่เสมอ จึงเป็นเรื่องที่ ไม่ควรมองข้าม คำถามที่หลายคนสงสัยคือ แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่ายางรถยนต์ ที่ใช้งานอยู่ มีอาการเสื่อมสภาพแล้ว วันนี้เราก็มีวิธีสังเกตมาฝาก สามารถตรวจเช็ก ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการดูแลยางรถยนต์ จะช่วยให้ขับขี่ ได้อย่างปลอดภัย และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย

1. เช็กดอกยาง

โดยปกติดอกยางใหม่ จะมีความลึก ประมาณ 8-9 มิลลิเมตร แต่หากยาง ใกล้หมดอายุ หรือหมดอายุแล้ว ความลึกของร่องดอกยาง จะลดลง อยู่ที่ประมาณ 1.6 มิลลิเมตร หรืออยู่ในระดับเดียวกับสะพานยาง  รวมถึงการที่ดอกยาง สึกเป็นบั้ง ๆ ถือเป็นสัญญาณเตือน ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้ว หากฝืนขับต่อไป อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ 

2. เช็กแก้มยาง

หากพบว่าแก้มยาง เกิดรอยแตกเล็ก ๆ คล้ายลายงา หรือมีรอยร้าว เกิดจากเนื้อยางเสื่อมสภาพ จากแสงแดด ความร้อน และอายุการใช้งาน หรือแก้มยาง บวมนูนผิดปกติ เกิดจากโครงสร้างภายในยางเสียหาย เสี่ยงต่อการระเบิด หากพบอาการที่กล่าวมานี้ ไม่ควรจะปล่อยทิ้งไว้ ให้รีบเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัย 

3. สังเกตรูปทรงและหน้ายาง 

ยางรถยนต์ปกติ จะต้องมีรูปทรงกลม แต่หากพบว่า มีส่วนใดส่วนหนึ่งแบน หรือบิดเบี้ยว รวมถึงหน้ายาง จะต้องไม่แข็งกระด้าง มีรอยบาด หรือรอยแผลลึก อาจเกิดจากโครงสร้างภายในยาง กำลังเกิดความเสียหาย

4. สังเกตอาการขณะขับขี่

หากยางเสื่อมสภาพ จะแสดงอาการผิดปกติ ซึ่งคนขับสามารถรู้สึกได้ขณะขับขี่ ได้แก่ 

  • การยึดเกาะถนนแย่ลง  โดยเฉพาะบนถนนเปียก หรือเข้าโค้งไม่มั่นคง
  • ระยะเบรกยาวขึ้น ต้องใช้ระยะเบรก มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้รถหยุด
  • เสียงดังผิดปกติ มีเสียงหอนดังมาจากยางขณะขับขี่ หรือมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะเลี้ยว 
  • รถสั่นสะเทือนผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย พื้นรถ หรือเบาะนั่ง อาจเกิดจากยางเสื่อมสภาพ หรือยางบวม
  • ลมยางอ่อนเร็วผิดปกติ ต้องเติมลมยางบ่อยกว่าปกติ อาจเกิดจากยางรั่วซึม หรือโครงสร้างยางไม่ดี
  • ขับขี่ไม่นุ่มนวล รถกระด้างขึ้นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะเนื้อยาง แข็งกระด้างตามอายุ

5. เช็กอายุยาง

สามารถดูอายุของยางรถยนต์ ได้จากตัวเลขบนแก้มยาง (DOT Code) โดยสังเกตตัวเลข 4 หลักหลัง คำว่า “DOT” สองตัวแรกจะหมายถึง สัปดาห์ที่ผลิต ส่วนสองตัวหลัง จะหมายถึงปีที่ผลิต ปกติแล้วยางรถยนต์ มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่การเปลี่ยนใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่คัน หากใช้งานอย่างสมบุกสมบัน ก็อาจจะต้องเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด หรือแม้จะใช้งานน้อย หรือดอกยางยังดีอยู่ แต่เนื้อยางก็จะเสื่อมสภาพ ไปตามกาลเวลาอยู่ดี 

วิธีดูแลยางรถยนต์ให้ใช้งานได้ยาวนาน

1. หมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ และแรงดันลมยาง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และก่อนการเดินทางไกลทุกครั้ง โดยค่าแรงดัน ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถยนต์ หรือบริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ ไม่เติมลมยางมาก หรือน้อยจนเกินไป จะช่วยให้ยางสึกหรอ สม่ำเสมอกัน ประหยัดน้ำมัน ควบคุมรถได้ดี และลดความเสี่ยงยางระเบิด

2. สลับยางตามระยะทาง ทุก ๆ 8,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือตามคำแนะนำ ในคู่มือรถยนต์ เพื่อให้ยางทุกเส้น สึกหรอใกล้เคียงกัน และรักษาประสิทธิภาพ การยึดเกาะถนน ให้ยังคงดี่เยี่ยม

3. ตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อ ทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนยางใหม่ หรือเมื่อรู้สึกว่า พวงมาลัยไม่ตรง ควบคุมรถยาก หรือยางสึกหรอผิดปกติ จะช่วยให้คุมรถได้แม่นยำ และลดการสั่นสะเทือน

4. หลีกเลี่ยงการขับขี่ ที่จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว ได้แก่ การเบรกและออกตัวอย่างรุนแรง , ขับเบียดหรือปีนฟุตพาท , ขับรถตกหลุมอย่างแรง , บรรทุกน้ำหนักเกินบ่อย ๆ

5. จอดรถในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการจอดกลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ เพราะแสงแดดและความร้อนที่สูง จะทำให้เนื้อยาง เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นนั่นเอง  

ป้ายกำกับ

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า